[FanFic G Seed]Life goes on... - [FanFic G Seed]Life goes on... นิยาย [FanFic G Seed]Life goes on... : Dek-D.com - Writer

    [FanFic G Seed]Life goes on...

    ยามเมื่อมีสิ่งสำคัญที่อยากปกป้องมาตลอดแต่หากไม่สามารถปกป้องได้แล้วจะเจ็บปวดมากเพียงใดกัน.... ความรักของผู้ที่จากไป...

    ผู้เข้าชมรวม

    1,701

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    8

    ผู้เข้าชมรวม


    1.7K

    ความคิดเห็น


    4

    คนติดตาม


    5
    หมวด :  ซึ้งกินใจ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  5 พ.ค. 50 / 20:36 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      Life goes on

      ยามเมื่อมีสิ่งสำคัญที่อยากปกป้องมาตลอดแต่หากไม่สามารถปกป้องได้แล้วจะเจ็บปวดมากเพียงใดกัน....

      Cosmic Era 72

      สงครามได้สิ้นสุดลงแล้ว 1 ปี.....

      นักรบแห่งสมรภูมิที่แสนเศร้าต่างได้แยกย้ายกันไปตามทางของตนเอง เด็กหนุ่มผู้สูญเสียและเจ้าหญิงแห่งเสียงเพลงได้มาอยู่ด้วยกันกับบาทหลวงมาร์คิโอ้ที่เกาะเล็กๆแห่งหนึ่งใกล้กับประเทศออร์บ

      เด็กหนุ่มผู้สูญเสียนั้นคือใครงั้นหรือ....เขาคือคิระ ยามาโตะนักบินประจำโมบิลสูทฟรีด้อม หากแต่บางคนก็ได้ให้สมญาเขาว่า"เทพแห่งสงคราม"

      .....................
      ..........................
      ..............................

      บนหาดทรายสีขาวที่ถูกย้อมด้วยสีสันของดวงตะวัน ใครบางคนก็กำลังนั่งอยู่ตรงนั้น ดวงตาสีไวโอเล็ตทอดมองออกไปไกลอย่างเลื่อนลอยและว่างเปล่า เสียงร้องของนกนางนวลบ่งบอกถึงเวลาที่แสนสงบสุขแต่จิตใจของเขากลับเศร้าหมอง ชายหนุ่มยกมือขวาขึ้นมาดู มือที่มีรอยแผลเป็นยาวจนเกือบจะถึงข้อมือ

      ช่างน่าแปลกนักที่เขาจะมีแผลเป็น เขาคือโคออดิเนเตอร์ที่ถูกดัดแปลงพันธุกรรมมาแล้วไม่ว่าบาดแผลใดก็ไม่ควรจะเหลือร่องรอยเอาไว้ แต่เขาก็เคยได้ยินจากปากใครซักคนว่า หากจิตใจยังคงยึดติดกับบาดแผลนั้นอยู่บาดแผลก็จะไม่มีวันจางหาย

      สาเหตุที่เขามีบาดแผลนี้ก็มาจากเรื่องเมื่อหลังสงครามในครั้งนั้น ชายหนุ่มหลุบตาลงพร้อมกับภาพอดีตที่ฉายซ้ำไปมาหลายครั้งไม่ว่าจะยามตื่นหรือหลับ

      เรื่องราวหลังจากที่เขาได้จัดการผู้ที่คร่าชีวิตคนสำคัญของเขาไป...เฟรย์ อัลสเตอร์

      ................
      .....................
      .........................

      "คิระอย่างเพิ่งเป็นอะไรไปนะ!"เสียงที่แสดงถึงความเป็นห่วงดังมาจากคนข้างกาย

      'เสียงของ...ใครกันที่เรียกเรา'ใจนั้นนึกสงสัยจึงได้พยายามลืมตาขึ้นมอง คนข้างกายเขาอัสรัน ซาล่าและคางาริ ยูระ อัสฮากำลังพาเขาไปยังที่แห่งหนึ่ง

      "คิระนายต้องไม่เป็นอะไรนะ"คางาริ...เสียงที่เคยสดใสร่าเริงเต็มไปด้วยความเป็นห่วง ใบหน้าที่น่ารักดูฉายแววความอาทรอยู่ไม่น้อย คนที่ถูกเป็นห่วงพยายามที่จะพยักหน้าแต่ครั้นสติกลับจางหายไปเสียก่อน

      ยามเมื่อรู้สึกตัวอีกครั้งร่างของเขาก็นอนอยู่บนเตียงสีขาวในห้องพยาบาล นัยน์ตานั้นกระพริบไปมาหลายครั้งอย่างไม่ชินกับแสงสว่างก่อนจะหันไปมองข้างเตียงที่รู้สึกได้ว่ามีคนอยู่ ทันใดนั้นนัยน์ตาก็เบิกกว้าง

      เด็กผู้หญิงเส้นผมสีเพลิงกำลังนั่งอยู่ข้างๆเขาในมือเธอนั้นมีมีดปอกผลไม้และแอปเปิ้ลสีเดียวกับเส้นผมของเธอ เขารู้สึกตกใจสุดขีดเมื่อได้เห็นเธอที่ตายไปแล้วต่อหน้าต่อตาเขา

      "เฟรย์...."คนข้างตัวเขาได้ยินเสียงจึงหันกลับมาและในวินาทีนั้นเขาก็ได้ประจักษ์ว่าเฟรย์ที่เขาเห็นนั้นเป็นเพียงภาพซ้อนของใครคนหนึ่งเท่านั้น

      "ลักซ์!"หญิงสาวเมื่อเห็นว่าเขารู้สึกตัวแล้วจึงได้วางมีดและผลไม้ลงในจานที่อยู่บนเก้าอี้อีกตัวข้างเตียงและหันมามองเขา

      "นี่ผม..."คิระยันตัวลุกขึ้นจากเตียงอย่างยากลำบากพลางไล่เรียงลำดับเรื่องราวซึ่งเมื่อได้มองมือขวาเขาก็ต้องร้องออกมาสุดเสียง

      มือขวานี้ที่ไม่อาจจะช่วยเฟรย์เอาไว้ได้....

      ภาพของยานกู้ภัยที่ระเบิดไปต่อหน้า ยานที่มีเธอคนนั้นอยู่ มือที่หากยื่นออกไปอีกเพียงนิดเดียวก็คงสามารถปกป้องเอาไว้ได้ แต่เพราะเขาชะล่าใจเกินไปเธอถึงได้...

      "ไม่!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!"เขาร้องออกมาสุดเสียงอย่างไม่อาจหยุดเอาไว้ได้ ความเจ็บปวดเขาแทรกมาในทุกอณูของจิตใจ น้ำตาเริ่มรินไหลออกมา เสียงร่ำไห้ของเขาทำให้ทุกคนที่รออยู่ข้างนอกห้องต่างพร้อมใจกันกรูเข้ามาด้วยความตกใจ

      "คิระ"ชื่อของเขาออกมาจากปากของทุคนที่เข้ามาในห้อง เมื่อเขาเห็นคนอื่นเข้ามาในห้องจึงได้หันไปถาม

      "อัสรัน คางาริ ไซ คุณเมอริว เฟรย์ล่ะเธอยังไม่ตายใช่มั้ย บอกทีสิว่าเรื่องนั้นมันเป็นแค่ความฝัน..."ทุกคนต่างนิ่งเงียบพูดไม่ออกทำให้เขาพูดซ้ำ

      "บอกทีสิ..ได้โปรดเถอะ บอกสิ.."และแล้วอัสรันก็เป็นคนแรกที่พูดขึ้นมาเพราะเขาไม่อยากจะให้เพื่อนรักต้องหลอกตนเองอยู่อย่างนั้น

      "ไม่คิระ มันเป็นเรื่องจริง เธอ...ตายแล้ว"อัสรันพูดออกมาตามที่รู้มาจากคนอื่นๆรวมทั้งความสัมพันธ์ของเฟรย์และคิระด้วย

      ตาย...

      คำเดียวที่กำลังทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างของเขาพังทลายลง ความเจ็บปวดแผ่ซ่านอยู่เต็มหัวใจ ความตายของผู้ที่เขาไม่อาจจะปกป้องเอาไว้ได้

      ทั้งที่น่าจะร้องไห้เสียใจกลับหัวเราะออกมา....

      "หึ..ฮะๆๆๆๆ.."เสียงหัวเราะนั้นหาใช่สิ่งอื่นใดนอกจากความสมเพชตัวเอง

      สมเพชตัวเองที่ดีแต่ปาก...

      "คิระ..."เสียงเรียกของเพื่อนสนิทและน้องสาวทำให้เขาเลิกหัวเราะและเงยหน้าขึ้นพูด

      "ช่าน่าขำจริงๆ ทั้งที่ชั้นฆ่าคนไปมากมายจนน่าจะได้ชื่อว่าเทพแห่งสงคราม มือสองข้างที่ปากบอกว่าสู้เพื่อปกป้องแต่สุดท้ายก็คร่าชีวิตของโคออดิเนเตอร์และเนเชอรัลไปมากมาย มือที่สามารถฆ่าใครต่อใครได้แต่มันกลับไม่แม้แต่จะปกป้องคนสำคัญเพียงคนเดียวตามที่พูดได้ ถ้าอย่างนั้น..."เสียงของเขาขาดหายนัยน์ตาของชายหนุ่มจับจ้องไปยังโลหะมันวาวที่เก้าอี้ข้างเตียงและก็คว้ามันมาอยู่ในมือซ้ายทันที

      "ถ้าอย่างนั้น...มือนี้จะมีไว้ทำไมกัน!"สิ้นเสียงมือที่ถือมีดก็แทงลงไปที่มือขวาอย่างไม่มีใครห้ามได้ ไม่สิเพราะห้ามไม่ทันมากกว่า เพียงแต่ก่อนจะมีดนั้นจะได้กดลึกลงไปมากกว่านี้มือของใครบางคนก็ผลักมันออกไปจนมีดด้ามนั้นตกลงไปบนพื้นและเพราะแรงผลักแผลที่ได้จึงไม่ลึกมากแต่กลับเป็นทางยาว เลือดสีสดก็ไหลออกมามากเสียจนดูน่ากลัว

      "ลักซ์"เขาเอ่ยชื่อของผู้ที่ขัดขวาง นัยน์ตาสีครามของเธอที่แสนงดงามกำลังมีหยดน้ำตาคลอ ใบหน้างามนั้นส่ายเบาๆเป็นเชิงห้าม

      "ร..รีบทำแผลเข้าสิ"คางาริเป็นอีกคนที่ได้สติจึงสั่งให้หมอที่อยู่ในสถานการณ์เดียวกันเข้าไปทำแผลขณะที่อัสรันเดินไปเก็บมีดแล้วเพ่งพินิจมอง

      ใบมีดสีเงินอาบไปด้วยเลือดสีแดงชวนให้รู้สึกเหมือนเห็นใครบางคนสะท้อนมาแม้เขาจะไม่รู้จักเธอก็ตาม แต่จากคำบอกเล่าของคางาริ เฟรย์ อัลสเตอร์คงเป็นสตรีผู้ร้ายกาจไม่น้อยแต่เขาก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมสตรีผู้ร้ายกาจขนาดนั้นกลับสามารถกุมหัวใจของคิระเอาไว้ได้

      เมื่อทำแผลเสร็จลักซ์ก็ได้จับมือของคิระขึ้นมากุมไว้อย่างหวังอยากจะปลอบโยนเขา เธอลูบไล้มือนั้นอย่างๆเบาๆแล้วเอ่ยออกมา

      "คงเจ็บมากสินะคะ"ใช่เจ็บ...แต่ไม่ใช่ที่บาดแผลหากแต่เป็นหัวใจ เขาไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่มือเลยแม้แต่นิดคงเพราะในหัวใจนั้นเจ็บยิ่งกว่า

      "ไม่...บาดแผลนี้น่ะหากเทียบกับเฟรย์แล้วมันก็แค่เล็กน้อยเท่านั้น มันไม่เจ็บแม้แต่นิดเดียว"เขาพูดอย่างเลื่อนลอยไม่สบตาใครแม้แต่ผู้ที่กุมมือเขาเอาไว้

      กัปตันสาวเมื่อเห็นเป็นเช่นนั้นเธอจึงได้ขอให้ทุกคนออกจากห้องไปรวมทั้งแพทย์ประจำยานด้วย เหลือแต่เพียงเขาและเธอ2คน

      --------------------------

      ภายนอกห้องทุกคนต่างยังรู้สึกตกใจกับการกระทำของคิระไม่หายโดยเฉพาะคางาริหยดน้ำตาร่วงออกมาไม่ขาดสาย  เธอไม่เคยนึกเลยว่าคิระจะเสียใจมากขนาดนี้ เธอสะอื้นแล้วสะอื้นอีกอย่างหยุดไม่ได้ชายหนุ่มข้างกายจึงได้เข้ามาปลอบประโลม

      "คางาริ..."เสียงเรียกชื่อเบาๆมาพร้อมกับมือที่ลูบไปบนเส้นผมสีทองนั้นอย่างแผ่วเบา

      "อัสรัน..ช..ชั้นอยากจะทำ..อะไรเพื่อคิระบ้าง..นี่ชั้น..ทำอะไร..ไม่ได้...เลยเหรอ.."คำพูดปะปนออกมาพร้อมเสียงสะอื้นจึงทำให้มันขาดหายก่อนจะหันไปมองเขาด้วยใบหน้าที่เปื้อนคราบน้ำตา พริบตานั้นอัสรันก็รงบร่างบางนั้นเข้าไปกอดไว้

      ความเจ็บปวดของคนใกล้ตัวก็คงไม่ต่างจากความเจ็บปวดของทุกคนเท่าไหร่นัก เพราะทุกคนที่อยู่ที่นี่นั้นรับรู้ได้ถึงรสชาติของการสูญเสียคนสำคัญดีว่ามันเจ็บปวดมากเพียงไรแต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่อาจจะนำสิ่งที่สูญเสียไปกลับมาได้

      "...พวกเราเองก็รู้ดีว่าในสนามรบนั้นชีวิตคนเราไม่ได้มีค่ามากไปกว่ากระดาษที่จะถูกทำลายเมื่อไหร่ก็ได้ แม้จะร้องไห้หรือโศกเศร้ามากขนาดไหนคนที่เรารักก็ไม่มีวันกลับมาอีกแล้ว บาดแผลทางกายนั้นอาจรักษาให้หายได้แต่บาดแผลในจิตใจนั้นก็คงมีแต่เพียงเวลาเท่านั้นสินะที่จะเยียวยามันได้...หรือว่าบางทีเราอาจจะต้องแบกรับบาดแผลนั้นไปตลอดชีวิตเลยก็ได้...."ถ้อยคำในประโยคสุดท้ายของเมอริว ราเมียสนั้นยากจะจะตอบได้ว่าเธอพูดเพื่อใครกันแน่ เพื่อคิระ คางาริ ลักซ์ อัสรันหรือเพื่อตัวของเธอเอง

      นั่นเพราะว่าทุกคนคือผู้ที่สูญเสีย....

      ---------------------------

      "คิระ..."น้ำเสียงแสนเบาเอ่ยเรียกชายหนุ่มแต่เขากลับไม่แม้หันมามองเธอ

      "ลักซ์...ผมควรจะทำยังไงดี"เขาเอ่ยถาม เจ้าหญิงแห่งเสียงเพลงไม่อาจที่จะเอื้อนเอ่ยคำตอบใดแก่เขาได้ ชายหนุ่มจึงได้พูดต่อไป

      "แม้ผมไม่เคยบอกเธอแต่ผมก็ได้สัญญากับตัวเองไว้แล้วว่าจะปกป้องเธอแต่ว่า...ผมกลับปล่อยให้เธอตายไปแบบนั้น..ทั้งที่มีพลังมากขนาดฆ่าใครต่อใครได้แต่ผมกลับ..."

      คำพูดที่เคยพูดกับตนเอง

      ไม่เพียงแค่ความรู้สึก...ไม่เพียงแค่พลัง....

      สิ่งเหล่านั้นที่เขามีมันไม่เพียงพอต่อการปกป้องใครซักคน แล้วสิ่งที่ขาดไปคืออะไรกัน

      คำถามที่ไร้คำตอบ....

      "นี่สินะเทพแห่งสงครามช่างน่าสมเพชจริงๆ"คำพูดทุกคำที่เอ่ยออกมาล้วนกลั่นกรองออกมาด้วยความเศร้า ความแค้น ความเสียใจ หลากหลายความรู้สึกที่กำลังลบเลือนเรื่องราวของใครคนหนึ่งที่อยู่ตรงหน้า

      ความเศร้าของถ้อยคำที่เขากล่าวออกมาราวกับซึมซับเข้าไปในใจของหญิงสาว นัยน์ตาที่มองเขาด้วยสายตาที่เจ็บปวดนั้นเขาก็ยังไม่เห็น รู้ทั้งรู้ว่าเขาเสียใจแต่เธอจะทำได้อย่างไรกันในเมื่อตอนนี้ผู้ที่อยู่ในหัวใจของเขาคือ เธอคนนั้น มิใช่ตัวเธอเอง

      แต่ว่าเธอไม่เคยนึกริษยาหญิงสาวที่ชื่อว่าเฟรย์แม้แต่ครั้งเดียว แม้ว่าครั้งแรกที่พบเธอจะรู้สึกไม่ค่อยชอบแต่นั่นก็เป็นเรื่องปกติของเด็กสาวชาวเนเฌอรัลที่ถูกปลูกฝังไว้แบบนั้นแล้วยังมาเห็นพ่อของตนเองถูกโคออดิเนเตอร์ฆ่าต่อหน้าแบบนั้นคงไม่มีทางที่จะไม่แค้นหรือชิงชังแน่

      สิ่งที่เธอรู้สึกกับเฟรย์นั้นมีแต่คำว่า น่าสงสาร จะไม่หึงหวงเพราะว่าเขาคนนั้นเป็นของเธอเพียงแต่อย่างน้อยเธอก็อยากจะทำอะไรเพื่อเขาบ้าง

      มือที่แสนบอบบางเข้ามาโอบกอดเขาเอาไว้อย่างแผ่วเบา สิ่งเดียวที่เธอมอบให้ได้คงเป็นอ้อมกอดอบอุ่นแบบเดียวกับที่เฟรย์คงเคยมอบให้เขาตามที่เธอคิดไม่ว่าจะด้วยความรักหรือความรู้สึกอื่นก็ตาม

      คงมีแต่สิ่งนี้สินะที่ชั้นจะทำเพื่อคุณได้....

      คิระ....ชั้นรักคุณ....

      ทั้งความรู้สึกและคำกระซิบบอกรักที่ไม่อาจจะเอ่ยออกไปได้ เพราะหากบอกออกไปเขาก็ยังไม่อาจตอบรับได้แล้วยังเป็นการซ้ำเติมจิตใจที่บอบช้ำ มีใครบ้างที่สูญเสียคนสำคัญไปแล้วจะมีคนสำคัญคนใหม่ขึ้นมาในทันที หากเขามีจริงคนผู้นั้นก็คงมิใช่มนุษย์  ริมฝีปากบางเริ่มเอื้อนเอ่ยท่วงทำนองด้วนน้ำเสียงอันไพเราะ บทเพลงที่ต่างจากทุกครั้งที่ได้ฟัง

      บทเพลงที่ขับกล่อมให้เขากำลังจมสู่ห้วงนิทรา บทเพลงกล่อมเด็กที่อ่อนโยนกลับเต็มไปด้วยความเศร้า....

      ผู้ที่ถูกสวมกอดตอนนี้ได้รู้ตัวแล้วว่าเขาพูดอะไรออกไป เพราะความเสียใจของเขาเพียงคนเดียวกำลังทำให้ทุกคนต้องพลอยเศร้าไปด้วย เขาไม่ใช่คนเดียวที่สูญเสีย เขาไม่ใช่คนเดียวที่เจ็บแต่ว่าทั้งที่รู้อยู่แก่ใจเขาก็ยังทำให้เธอต้องเจ็บปวดมากขึ้นไปอีก

      หากแต่เขาคงไม่อาจจะทำอะไรได้อีกแล้ว สิ่งเดียวที่ทำได้ตอนนี้ก็คือการหลับไหลในอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นนี้ทว่าแม้มันจะอบอุ่นสักแค่ไหนก็มิอาจที่จะเยียวยาจิตใจอันบอบช้ำของเขาได้ หยดน้ำตานั้นค่อยๆไหลปริ่มพ้นขอบตาและรินไหลอยู่ข้างแก้ม....

      .......................
      .................

      วันเวลาล่วงเลยผ่านไป 1 ปีทุกสิ่งค่อยๆดีขึ้นเรื่อยทว่าเขากลับยังเหมือนเดิม ไม่ว่ากี่ครั้งที่นอนหลับภาพฝันร้ายของไฟสงครามก็ยังตามหลอกหลอน บางครั้งโสตประสาทก็ได้ยินเสียงของผู้ที่จากไปหลายครั้งหลายครา ทางเลือกสองทางที่ยังไม่อาจตัดสินใจได้

      ทางที่หนึ่งเลือกที่จะตายเพื่อหนีจากความเจ็บปวดไปหาเธอผู้เป็นที่รัก

      ทางที่สองเลือกที่จะอยู่อย่างเจ็บปวดต่อไปเพื่อคนที่รักเขา

      ทางเลือกใดคือทางที่ถูกกันแน่...

      ทุกๆวันคำถามนี้จะวนเวียนไปมา จิตใจที่บอบช้ำรู้สึกสับสนจนหลายครั้งตลอด 1 ปีที่ผ่านมา ไม่รู้ว่ากี่ร้อยครั้งที่มือนี้หยิบมีดขึ้นมาจ่อไว้ที่ข้อมือ มีดโลหะแหลมคมสีเงินที่หากเพียงแค่กรีดมันให้ลึกลงไปปล่อยให้หยาดโลหิตไหลรินแม้เจ็บปวดทางกายแต่ก็ไม่ต้องเจ็บปวดใจอีก

      แต่แล้วร่างกายก็กลับไม่ยอมทำตามที่สั่ง มือข้างที่ถือมีดสั่นระริกพยายามออกแรงมากเท่าไรก็ดูจะไร้ผล ใบมีดนั้นไม่ได้เลื่อนต่ำลงไปเลยแม้แต่น้อย ความรู้สึกหนึ่งได้เกิดขึ้นภายใจใน

      ความรู้สึกนี้มันอะไรกัน....นี่เขากำลังกลัวงั้นเหรอ ทั้งที่ฆ่าคนไปตั้งมากมายได้สัมผัสความตายของผู้คนทั้งหลายแต่กลับมากลัวความตายของตนเอง

      ช่างน่ารังเกียจนัก....

      ใบมีดที่ไม่อาจกดต่ำลงไปมากกว่านี้ถูกทิ้งลงบนพื้น รู้สึกเหมือนมือนั้นร้อนผ่าวราวกับมีใครมากุมเอาไว้ เขาหอบหายใจแรงทั้งที่ไม่ได้เหนื่อยกาย แต่หากเหนื่อยที่ใจหลังจากวันนั้นเขาก็ไม่อยากจะทำอะไรอีกแล้ว

      เขาเลิกที่จะมองหาความสุข เลิกที่จะก้าวเดินออกไปข้างหน้า เลิกที่จะยิ้ม อยู่อย่างว่างเปล่าไปวันๆ แม้ว่าลักซ์จะคอยดูแลและสวมกอดเขาเสมอแต่ความอบอุ่นและอ่อนโยนของเธอก็ไม่อาจที่จะเติมเต็มให้กับหัวใจที่แตกสลายของเขาได้เลย

      "ทำไมกัน.."คำพูดที่แผ่วนั้นเอ่ยขึ้นกับตนเอง

      "ทำไมแสงนั้นถึงไม่ได้เล็งมาที่ชั้น ทั้งที่คนที่น่าจะตายควรจะเป็นชั้นมากกว่าเธอไม่ได้ทำผิดอะไรซักนิด ถ้าอยากจะลงโทษชั้นทำไมถึงไม่ให้ชั้นตายเฟรย์ไม่ได้เกี่ยวอะไรซักหน่อยหรือเพราะอยากให้ชั้นเจ็บอย่างที่คนเบื้องหลังสงครามเจ็บ...."

      นี่เขาควรทำเช่นไรดีแม้ปากบอกว่าเพื่อปกป้อง แต่เขาปกป้องอะไรล่ะ สันติสุขงั้นเหรอ โลกงั้นเหรอ เขาเคยปกป้องอะไรไว้ได้ด้วยเหรอ แค่ผู้หญิงคนเดียวก็ยังปกป้องเอาไว้ไม่ได้แล้วนี่เขาสู้ไปเพื่ออะไรกันแน่...มือที่บอกว่าจะปกป้องเธอก็เป็นเพียงมือของยมทูตเท่านั้น

      ยมทูตผู้ทำได้แค่คร่าชีวิตผู้อื่น...

      "นี่ชั้นควรจะทำยังไงดี คนอย่างชั้นสมควรที่จะมีชีวิตอยู่ด้วยเหรอ ฆาตกรอย่างชั้นจะมีวันได้รับการอภัยด้วยเหรอ..."ความรู้สึกที่ถูกเก็บไว้ในจิตใจกำลังเอ่อล้นมาเรื่อยๆ ความรู้สึกอันแสนสับสนในเส้นทางของตนเอง เขาพูดมันออกมาเรื่อยๆเพียงลำพัง

      "บอกชั้นทีสิ เฟรย์..."นามของหญิงสาวอันเป็นที่รักถูกเอ่ยออกมาเขาพูดออกมาทั้งที่รู้ดีว่าไม่ว่าจะข้างกายเขาหรือที่ไหนก็ไม่มีเธออยู่อีกแล้ว

      รู้ทั้งรู้ว่าเธอไม่อยู่แล้วแต่หัวใจกลับร่ำร้องเพ้อหาแต่เพียงเธอทำไมเขาไม่รู้ตัวให้เร็วกว่านี้ ทำไมเขาถึงไม่บอกเธอให้เร็วกว่านี้ว่า เขารักเธอ....

      namida de nijinda kono sora wo miageru tabi
      เมื่อแหงนมองขึ้นไปบนท้องฟ้า พร้อมน้ำตาที่กำลังเอ่อล้น
      hakanai aosa ga mune wo shimedzuketeku
      คลื่นแห่งความเศร้า ซัดกระหน่ำเข้าในไปใจ

      เสียงเพลง....ใครกันที่กำลังร้องเพลงลักซ์งั้นเหรอ....ไม่สิไม่ใช่บทเพลงของลักซ์ไม่ใช่แบบนี้...

      sadame nara kanashimi no hate made
      หากเป็นชะตาลิขิต ฉันจะสู้ต่อไป ฝ่าฟันความเศร้า
      tatakaitsudzuketa hibi wo ato ni
      ถึงแม้สุดท้ายจะเหลือเพียงแค่เศษซากก็ตาม

      บทเพลงนี้กำลังต้องการบอกให้เขาสู้ต่อไปงั้นหรือแต่ตอนนี้เขาไม่เหลืออะไรอีกแล้ว แล้วนี่เขายังต้องสู้เพื่ออะไรงั้นเหรอ...

      Life Goes On moeagaru
      Life goes on เอ่อล้นไปด้วยความรู้สึก
      inochi ga aru kagiri
      ตราบเท่าที่ฉันยังมีลมหายใจอยู่
      shinjitsu no jibun sae miushinaisou soredemo
      ถึงไม่อาจมองเห็นตัวตนที่แท้จริง ของตัวเองได้อีก

      น้ำตาค่อยๆเอ่อไหลคลอนัยน์ตาสีไวโอเล็ตนั้น บทเพลงนี้ทำไมถึงได้เหมือนกับร้องเพื่อเขาและเฟรย์......

      Life Goes On mamoritakute
      Life goes on อยากปกป้องสิ่งนี้ไว้
      kokoro wa kudakarete
      แม้หัวใจดวงนี้จะแหลกสลาย
      hontou no kanashimi wo shitta hitomi wa
      ในแววตาคู่นี้ที่เคยสัมผัสกับความเศร้าที่แท้จริง
      ai ni afurete
      ยังคงเปี่ยมล้นไปด้วยความรัก……

      ใช่...แม้หัวใจของเขาจะแหลกสลายไปมากขนาดไหนเขาก็ยังอยากจะปกป้องเธอเอาไว้ แม้ว่าจะมีแต่ความเศร้ามากขนาดไหนความรักก็มีมากเท่านั้น

      นี่สินะสิ่งเดียวที่เขาและเฟรย์มีเหมือนกัน...

      fuyu ni saku hana ga kasumu keshiki irodoru
      ดอกไม้บานในฤดูหนาวราวกับแต่งแต้มสีสันให้กับทิวทัศน์ที่หม่นหมอง
      "tsuyosa wa yasashisa" sou utaikaketeru
      เสียงเพลงที่คอยขับขาน"ความเข้มแข็งคือความอ่อนโยน"

      ดอกไม้บานในฤดูหนาว...มันยังมีอยู่อีกหรือเมื่อสิ่งที่เขามองเห็นมีแต่เพียงความว่างเปล่า....ทุกอย่างถูกปกคลุมด้วยสีเทาไร้ซึ่งสีสันใดๆ
      ความเข้มแข็งคือความอ่อนโยน...คำพูดที่ชวนให้หัวใจบีบรัดด้วยความเจ็บปวด.....

      nan no tame dare no tame ni kimi wa tatakaitsudzukeru no darou ima
      ตอนนี้ เธอยังคงสู้ต่อไป เพื่อใคร เพราะอะไรกันแน่?

      ไม่รู้...เขาไม่รู้จริงๆเขาเคยสู้เพื่ออะไรกันเขายังไม่รู้เลยแล้วตอนนี้เขามีชีวิตอยู่เพื่ออะไร...

      Life Goes On umarekawari
      Life goes on หากได้กลับมาเกิดใหม่
      itsushika deaeru nara
      สักวันอาจจะได้กลับมาเจอกันอีก
      kore ijou mou nido to ushinaitaku wa nai demo
      ฉันไม่อยากสูญเสียเธอไปอีกเป็นครั้งที่สอง แต่….

      จะมีจริงหรือวันที่เขาและเธอจะได้พบกันอีกครั้ง....จะมีหรือวันที่เขาจะได้สวมกอดเธอเอาไว้อีกครั้ง...

      Life Goes On kono toki ni
      Life goes on ชาตินี้
      umaretekita kagiri
      ตราบเท่าที่ฉันได้เกิดมาและยังคงมีชีวิตอยู่
      kono ude de kono mune de ima uketomeyou
      คอยประคองชีวิตอันมีค่าไว้ในอุ้งมือและในใจดวงนี้
      ai wo shinjite
      เชื่อมั่นในความรัก..

      ชีวิตอันมีค่า...ชีวิตของเขามีค่าด้วยหรือ อุ้งมือที่เปื้อนเลือดนี้จะมีชีวิตที่มีค่าได้อย่างไร....เขาที่สูญเสียความรักไปแล้วยังจะสามารถเชื่อในมันได้อีกเหรอ

      Life Goes On moeagaru
      Life goes on เอ่อล้นไปด้วยความรู้สึก
      inochi ga aru kagiri
      ตราบเท่าที่ฉันยังมีลมหายใจอยู่
      itsu no hi ka mou ichidou hikari wo wakachiaitai
      สักวัน อยากแบ่งความรู้สึกให้เธอรับรู้อีกสักครั้ง

      อีกสักครั้ง..อยากจะโอบกอดเธออีกสักครั้ง...อยากจะแบ่งความอบอุ่นนี้ให้กับเธออีกสักครั้ง....

      Life Goes On mamoritakute
      Life goes on อยากปกป้องสิ่งนี้ไว้
      inori wo sora ni hasete
      ส่งคำอธิษฐานขึ้นไปสู่ฟากฟ้า
      hontou no kanashimi wo shitta hitomi wa
      ในแววตาคู่นี้ที่เคยสัมผัสกับความเศร้าที่แท้จริง
      ai ni afurete....
      ยังคงเปี่ยมล้นไปด้วยความรัก…….

      คำอธิษฐานได้ล่องลอยสู่ผืนฟ้า จะไปถึงไหมในที่ซึ่งมีเธออยู่....ช่างเป็นคำขอที่เห็นแก่ตัวจริงๆ แต่หากพระเจ้ามีจริง ขอร้องล่ะ..ขอให้เขาได้พบกับเธออีกซักครั้ง...

      มือทั้งสองข้างกำแน่นสายตาที่เศร้าสร้อยมองออกไปในทะเลที่ดูไร้จุดสิ้นสุด ท้องทะเลที่ว่างเปล่าไร้สุ้มเสียงของสิ่งมีชีวิตทุกอย่างมีเพียงเสียงของระลอกคลื่นที่ซัดซาด

      นี่เขากำลังหวังว่าจะได้ยินเสียงเธอเรียกเขางั้นหรือ....คำขอนี้คงไม่มีวันเป็นจริง นัยน์ตาคู่งามลดต่ำลงหยดน้ำใสๆบนใบหน้าร่วงลงสู่ผืนทรายและจมหายไป และแล้วในวินาทีนั้นเสียงหนึ่งก็ได้ดังขึ้นภายใต้จิตสำนึกของเขา

      "คิระ.."เขาเงยหน้าขึ้นมองเบื้องหน้า เพียงแค่พริบตาเดียวเท่านั้นเค้าร่างของผู้ที่หัวใจเรียกหาก็ยืนอยู่เบื้องหน้า

      เรือนร่างบอบบางในชุดกระโปรงสีชมพูอ่อนๆพร้อมด้วยผ้าแพรสีเดียวกันพันอยู่รอบวงแขนบอบบาง เส้นผมสีเพลิงโบกสะบัดไปตามแรงลม นัยน์ตาสีเงินสวยกำลังจับจ้องมาที่เขา เขาตาฝาดไปรึเปล่าที่เห็นเธอยืนอยู่ตรงนี้

      "ฟ..เฟรย์!"ความตกใจทำให้เขาเผลอเรียกออกมาเสียงดัง เพียงแต่ร่างบางกึ่งโปร่งแสงที่ส่องประกายงดงามยังยืนยิ้มให้เขาอยู่เช่นเดิมไม่แปรเปลี่ยน เธอเดินเข้ามาหาเขาช้าๆจนกระทั่งร่างของทั้งคู่อยู่ใกล้ชิดกัน  แขนที่บอบบางค่อยๆถูกยกขึ้นมาโอบกอดเขาเอาไว้

      "ชั้นมีเรื่องบางอย่างที่อยากจะบอกกับเธอเหลือเกิน.."เธอเริ่มพูดในขณะที่ความตกใจระคนสงสัยยังไม่จางหายไปจากใจของเขา เธออยู่ตรงนี้กำลังกอดเขาอยู่ มันคือความฝันงั้นเหรอ...ไม่สินี่ไม่ใช่ความฝันเขาก็เคยเจอเธอในรูปแบบนี้มาก่อนแล้วและเขาไม่มีวันเชื่อว่าความอบอุ่นที่เธอถ่ายทอดมาให้นี้จะเป็นเพียงความฝัน

      "คิระ...ขอบคุณนะที่เธอยังไม่ลืมชั้นเพราะงั้นชั้นจะไม่ขอให้เธอเลิกเจ็บปวดเพื่อชั้นแต่ว่า..."เสียงหวานๆนั้นหยุดไปเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยออกมาอีกครั้ง

      "ขอร้องล่ะได้โปรดอย่าคิดจะตายเพื่อชั้นเลยนะ"เขารู้สึกได้ถึงหยาดน้ำอุ่นๆที่หยดลงมากระทบไหล่ของเขา

      น้ำตาของเฟรย์....เธอกำลังร้องไห้...นี่เขาต้องทำให้เธอร้องไห้อีกแล้วสินะ....

      พลันนั้นคำพูดสุดท้ายที่เขาเคยได้รับมาจากเธอก็ช่วยเรียกสติที่หลุดลอยหายไป กี่ครั้งที่คิดจะตายแต่ก็ทำไม่ได้ กี่ครั้งที่รู้สึกได้ว่ามีคนเรียก กี่ครั้งที่รู้สึกได้ว่ามือที่เคยคิดปลิดชีวิตตนเองมีคนมากุมเอาไว้...

      "หรือว่าคนที่คอยปกป้องชั้นมาตลอดก็คือเธองั้นเหรอ..."เธอยิ้มแม้เขาจะไม่เห็นแต่เขาก็รู้ว่าเธอยิ้มแล้วริมฝีปากกลีบกุหลาบก็เอ่ยออกมา

      "ชั้นเคยบอกแล้วไงว่า ชั้นจะปกป้องเธอเอง"

      ใช่...ไม่ว่าเมื่อไรเธอจะคอยปกป้องเขาเอาไว้ แม้อาจจะช้าไปแต่มันก็ยังไม่สายไปใช่ไหม มือนี้แม้ไม่อาจจะโอบกอดเขาไว้ได้แต่ถ้าหากเพียงแค่กุมมือของเขาเอาไว้ก็คงได้สินะ

      "เฟรย์..."มือของเขากระชับเธอแน่นไม่ยอมปล่อย ผู้ถูกกอดไร้การขัดขืนใดๆดวงตานั้นหรี่ลงช้าๆอย่างรู้ตัวดีว่า..เวลาได้หมดลงแล้ว

      "คิระ ชั้นรักเธอ..."คำพูดสุดท้ายที่อยากจะพูดมาตลอด กว่าจะรู้ตัวว่ารักเขามากขนาดนี้ก็สายไปแล้วแต่ถ้าแค่บอกออกไปคงได้ใช่ไหม เรือนร่างในอ้อมกอดเลื่อนหายไปเรื่อยๆชายหนุ่มได้รับรู้แล้วว่าเธอกำลังจะจากเขาไปอีกครั้ง

      "ไม่นะเฟรย์ อย่าหายไป!"เขาตะโกนออกไป เขาสูญเสียเธอไปแล้วครั้งหนึ่งแต่คราวนี้เธออยู่ในอ้อมกอดเขา เขาไม่อยากจะสูยเสียเธอไปอีกครั้ง

      "เฟรย์ได้โปรดอยู่ข้างๆชั้นเถอะนะ ชั้น..ชั้นรักเธอ"น้ำตาที่เคยหยุดไปรินไหลออกมาอีกครั้ง เคยคิดมาตลอดว่าเขาคงเกลียดเธอเพราะเธอได้มอบสิ่งที่เลวร้ายที่สุดให้เขาไป ผลักดันเขาเข้าสู่เส้นทางแห่งความบ้าคลั่งแล้วยังทำให้เขาต้องร้องไห้อีกไม่รู้กี่ครั้ง แต่เขากลับบอกว่าเขารักเธอ...

      "คิระ..."เธอกำลังยิ้ม รอยยิ้มที่งดงามที่สุด...ความยินดีเต็มอยู่ในทุกส่วนของหัวใจที่เธอจะมอบให้เขา

      ในที่สุดเธอก็ได้รู้แล้วว่าที่แท้จริงแล้วเธอต้องการอะไร...

      สิ่งที่ต้องการมาตลอด ความรักจากใครสักคน....

      "ไม่ต้องห่วงนะคิระชั้นไม่ไปไหน ชั้นจะคอยอยู่เคียงข้างเธอและปกป้องเธอเอาไว้แต่ว่าเธอก็อย่าลืมนะว่าเธอเองก็มีใครคนหนึ่งที่เคียงข้างเธอและพร้อมที่จะโอบกอดเธอไว้เสมอ..."

      เพราะว่าชั้นคงไม่อาจจะโอบกอดเธอได้อีกแล้ว...ตอนนี้ชั้นแค่หวังว่าเขาคงจะมีความสุขกับคนที่รักเขาและหวังอยากให้เขารักเธอคนนั้นตอบ

      จริงอยู่ที่เธอเคยไม่ชอบคนๆนั้นแต่นั่นก็เพราะความอคติในสายเลือดของเธอทำให้เธอไม่เคยได้มองดูตัวตนที่แท้จริงของคนๆนั้นเลยแม้แต่น้อย ทั้งที่แท้จริงคนๆนั้นคือผู้ที่มีจิตใจงดงามยิ่งกว่าเธอเสียด้วยซ้ำ เพราะงั้นถ้าหากเป็นคนๆนั้นเธอคงจะฝากเขาเอาไว้ได้สินะ

      ใบหน้าของหญิงสาวผู้มีเส้นผมสีชมพูหวานลอยเด่นชัดขึ้นมาในห้วงคิด รอยยิ้มอ่อนโยนที่มักจะมีให้เขาเสมอพร้อมด้วยเสียงหวานๆที่มักจะเอ่ยคำพูดปลอบใจเขาเสมอ เรียวแขนบอบบางที่เข้มแข็งพอที่จะกอดเขาเอาไว้

      ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่กันที่เขามักจะคอยมองตามเธอเสมอโดยไม่รู้ตัวและเมื่อไหร่กันที่เขากลับลืมเลือนเธอไปจากใจ เอาแต่จมปลักอยู่กับความเศร้าจนทำให้เธอคนนั้นต้องร้องไห้เพื่อเขา เขาลืมเลือนเธอไปได้อย่างไรกันสายตาของเขามองข้ามเธอมาตลอดทั้งที่แท้จริงแล้วความรู้สึกที่เขามีให้ธอก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเฟรย์เลย

      "อืม.."คำตอบรับสั้นๆในลำคอ แต่หากมาจากจิตใจของเขา เขาจะไม่ยอมให้มีใครต้องร้องไห้เพราะเขามากไปกว่านี้อีกแล้ว...

      "ขอบคุณนะ คิระ..."ร่างบอบบางในอ้อมกอดค่อนๆเลือนหายไปจากวงแขนอันแข็งแกร่งของเขากลายเป็นเพียงเศษเสี้ยวเล็กๆที่ส่องประกายลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าสีครามที่ไร้เมฆบดบัง

      แม้ว่าร่างของเธอจะไม่ได้อยู่ตรงนี้แล้วแต่หัวใจของเธอจะอยู่ในใจของเขาตลอดไป ภายใต้สายลมอ่อนๆที่พัดผ่านเขารับรู้ได้ถึงเสียงของเธอ

      อย่าลืมนะคิระ...ชั้นอยู่ที่นี่...อยู่เคียงข้างเธอ....

      "อืม..ชั้นรู้แล้วล่ะเฟรย์..."นัยน์ตาสีไวโอเล็ตหรี่ลงน้ำใสๆที่ขอบตาไหลผ่านแก้มไปตามด้วยสายลมที่พัดผ่านมาอีกครั้ง  บาดแผลที่มือขวานั้นค่อยๆจางหายไปจนไม่มีรอยเหลือไว้แม้แต่นิดเดียว หากเพราะจิตใจของเขานั้นได้ละทิ้งความเศร้าไปแล้ว ชายหนุ่มหันหลังให้กับท้องทะเลและค่อยๆสาวเท้าเดินกลับบ้าน

      บ้านที่มีเธอคนนั้นรอเขาอยู่เสมอ...

      การที่มีใครซักคนรอเรานั้นมันเป็นเรื่องดีสินะ เพราะนั่นหมายความว่าเรายังมีความสำคัญอยู่.....

      บ้าน..ไม่จำเป็นต้องเป็นบ้าน ขอแค่เพียงมีใครรอต้อนรับการกลับมาของเราสักคนไม่ว่าที่ใดเราก็สามารถเรียกมันว่าบ้านได้...

      แม้อาจจะลืมไปบ้าง แต่ก็ไม่มีวันลบเลือนไปจากหัวใจ คราวนี้แหละที่เขาจะสามารถบอกเธอได้เต็มปากว่า "รัก"

      แอ๊ด...

      ประตูไม้ถูกผลักออกทำให้ร่างบางในชุดกระโปรงละมือจากหนังสือที่อ่านอยู่แล้วลุกขึ้นเดินไปที่ประตูเพื่อกล่าวต้อนรับเขาอย่างที่เธอทำทุกวันและจะทำตลอดไป

      "กลับมาแล้วเหรอคะ"เสียงหวานและอบอุ่นพูดขึ้นเมื่อเห็นเขาเดินเข้ามาในบ้าน ชายหนุ่มชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะทบทวนในความรู้สึกทั้งหมดของเขา ริมฝีปากนั้นค่อยๆเอ่ยออกมาตามด้วยรอยยิ้มที่ห่างหายไปนานนับปี

      "อืม...ผมกลับมาแล้ว"ใบหน้าสวยๆของลักซ์เต็มไปด้วยความตกใจแต่ก็ดีใจเช่นกัน ในที่สุดเขาก็ยิ้มแล้วไม่ว่าจะด้วยสาเหตุอะไรก็ตามแต่ในที่สุดความเศร้าของเขาก็จางหายไปเสียที สำหรับเธอขอแค่เขายิ้มได้ก็พอแล้ว

      "คิระ.."

      "ลักซ์ ผมตัดสินใจแล้วว่าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปเพราะงั้นต่อจากนี้ไปคุณช่วยอยู่ข้างๆผมตลอดไปได้ไหม"หยดน้ำตาอุ่นๆไหลรื้นออกมาจากกวงตาสีครามคู่สวยของเธอ เธอรอมานานแสนนานรอคำๆนี้ของเขามาตลอด เธอเดินเข้าไปกอดเขาเอาไว้และให้คำตอบกับเขา

      "ค่ะ ชั้นจะอยู่ข้างๆคุณตลอดไป"เขายกมือขึ้นตอบรับการกอดของเธอ ตอนนี้เขาได้รู้แล้วว่าเขาเองก็รักเธอมากแม้ว่าจะไม่เคยรู้ตัวก็ตามแต่นับจากเวลานี้ไปเขาจะไม่สับสนในความรู้สึกของตนเองอีกแล้ว

      ลักซ์ ไคลน์เธอผู้เป็นที่รักอีกคนหนึ่งของเขา....

      สายตาของใครซักคนทอดมองเข้ามาภายในบ้านหลังนั้นด้วยความอ่อนโยน เธอคนนั้นระบายรอยยิ้มบางๆออกมา นี่สินะความสุขของการที่เราเห็นคนที่เรารักมีความสุข...

      "อย่าลืมนะคิระ ชั้นยังอยู่ที่นี่และจะคอยปกป้องความสุขของเธอตลอดไป"เพียงชั่วเวลาเดียวเท่านั้นร่างของเธอก็จางหายไปเหลือแต่เพียงคนนกสีขาวบริสุทธิ์ที่กำลังร่วงหล่นสู่ผืนทรายอย่างเบาๆ ก่อนจะปลิวไปกับสายลมที่พัดพาความเศร้าไปจากใจของชายหนุ่มและนำรอยยิ้มกลับคืนมาสู่เขา

      คำพูดสุดท้ายที่เขาจะมอบให้เธอ เฟรย์ อัลสตาร์...

      "ขอบคุณนะ เฟรย์..."

      #############################################################
      END

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×